Site Loader
3644 Lat Phrao Rd., Bang Kapi, Bangkok
เช่าคลังสินค้า

คลังสินค้า ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่หากว่าทำธุรกิจต้องมี เพราะเป็นพื้นที่ที่จะช่วยในการจัดเก็บสินค้าทั้งหมดของธุรกิจที่มีอยู่ โดยเฉพาะในตอนที่ธุรกิจเติบโต และมีลูกค้าให้ความสนใจมากขึ้น การสต๊อกสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ด้วยเหตุนี้เองการมีคลังสินค้าจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีไม่ได้ สำหรับปัจจุบันนี้นอกจากที่จะสร้างคลังสินค้าด้วยตัวเองแล้ว อีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถทำได้เช่นกัน ในการที่จะมีคลังสินค้าให้กับธุรกิจของตัวเอง ก็คือ การเช่าคลังสินค้า ซึ่งในการเช่าคลังนี้ก็ต้องมีการทำสัญญาด้วย ที่มีทั้งแบบระยะสั้นและแบบระยะยาว แล้วสัญญาระยะยาวเป็นอย่างไรบ้าง มาทราบรายละเอียดได้เลยจากบทความนี้ 

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสัญญาเช่าคลังสินค้าระยะยาว เป็นอย่างไรบ้าง 

สัญญาเช่าคลังสินค้าระยะยาว เป็นหนึ่งในรูปแบบสัญญาที่มีอยู่ในขณะนี้ โดยการทำสัญญาเช่าระยะยาว เป็นการผูกมัดระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่าในระยะเวลาที่ยาวนาน โดยเรื่องนี้จะส่งผลมาก ๆ ต่อเรื่องของการย้ายสถานที่ ที่หากว่าจะย้ายคลังสินค้าก็ไม่สามารถทำได้ทันทีที่ต้องการ อาจจะต้องรอให้หมดสัญญาก่อน ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้การทำสัญญาระยะสั้นนั้นได้เปรียบมากกว่าแน่นอน เนื่องจากว่ารอให้หมดอายุสัญญาไม่นาน ก็สามารถย้ายคลังสินค้าได้แล้ว แต่ทั้งนี้การเช่าด้วยสัญญาระยะยาวก็มีข้อดีอยู่ตรงที่เรื่องของราคาค่าเช่าที่จะถูกกว่าสัญญาระยะสั้นนั่นเอง 

การทำสัญญาระยะยาว เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการไม่ต้องกังวลในเรื่องของการขึ้นค่าเช่าเลย เนื่องจากว่าการที่ผู้ให้เช่าจะขอขึ้นราคาค่าเช่านั้น จะต้องเป็นไปตามระยะเวลาที่ระบุเอาไว้ในสัญญาอย่างชัดเจนแล้ว ในการทำสัญญาระยะยาวจะมีการเซ็นสัญญากันยาวนานมากกว่า 3 ปี เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้ผู้ให้เช่า และผู้เช่าจำเป็นต้องไปจดทะเบียนการเช่ากันที่ กรมที่ดิน ด้วย โดยจะต้องจดทะเบียนตามพื้นที่ตั้งของคลังสินค้าที่มี ซึ่งค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสัญญาเช่า ก็จะอยู่ที่ร้อยละ 1 ของมูลค่าสัญญา 

ตัวอย่างในการคำนวณค่าจดทะเบียนสัญญาการเช่าระยะยาว 

ในการคิดอัตราค่าจดทะเบียนของสัญญาระยะยาว ก็สามารถคิดได้ด้วยวิธีการ คือ ให้นำเอาค่าเช่าคลังสินค้า x จำนวนเดือน x ระยะเวลาสัญญาเช่า หลังจากนั้นก็จะได้มูลค่าสัญญาออกมา เช่น หากว่ามีค่าเช่า 100,000 บาท × 12 เดือน × 6 ปี = 7,200,000 บาท แล้วนำมาคิดกับค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสัญญาร้อยละ 1 ก็จะเป็นเงินที่ 72,000 บาทนั่นเอง 

จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็เป็นรายละเอียดต่าง ๆ ของการเช่าคลังสินค้าด้วยสัญญาระยะยาว ที่คงจะทำให้เข้าใจได้มากขึ้นแล้ว ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเช่าคลังสินค้าในแบบสัญญาระยะสั้น หรือว่าระยะยาว ก็สามารถศึกษารายละเอียดเหล่านี้ได้ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจในเรื่องของการทำสัญญาได้ง่ายมากขึ้น 

Post Author: Arnold Mccoy